Aave (AAVE) คืออะไร?
Description
Aave เป็นโปรโตคอลแบบกระจายศูนย์ซึ่งใช้บล็อกเชนของ Ethereum วัตถุประสงค์หลักของโปรเจ็กต์นี้คือการช่วยให้ผู้ใช้โปรโตคอลทุกคนสามารถให้กู้เงิน (และรับเงินจากการให้กู้ดังกล่าว) ได้แบบไม่ต้องเปิดเผยตัวตนรวมถึงการยืมเงินแบบไม่ต้องเปิดเผยตัวตน
AAVE เป็นคริปโตเคอร์เรนซีของโปรเจ็กต์ Aave ซึ่งใช้ชื่อเดียวกัน
ประวัติการสร้างของ Aave
ในวันที่ 1 พฤษภาคม 2017 Stani Kulecov โปรแกรมเมอร์ชาวฟินแลนด์ซึ่งสำเร็จการศึกษาปริญญาโทด้านนิติศาสตร์ได้ก่อตั้ง ETHLend ขึ้น โปรเจ็กต์สำคัญของบริษัทได้แก่ ETHLend.io ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มการให้กู้เงินแบบ P2P แม้ว่ามูลค่าของ ICO ได้เพิ่มขึ้นเป็น $16.2 ล้าน แต่ในช่วงปีแรกของการดำเนินกิจการ เป็นที่ชัดเจนว่าแพลตฟอร์มดังกล่าวขาดสภาพคล่องเป็นอย่างมาก
ผู้พัฒนาจึงได้พิจารณาสิ่งต่างๆ ที่ขาดหายไปในโปรเจ็กต์และได้ทำการรีแบรนด์ ต่อมาในฤดูใบไม้ร่วงของปี 2018 บริษัทได้นำเสนอผลิตภัณฑ์ใหม่กับทุกคนซึ่งก็คือ Aave จุดสำคัญที่พึงสังเกตซึ่งอธิบายกลไกของโปรโตคอล Aave ได้เป็นอย่างดีก็คือคำๆ นี้แปลว่า “ผี” ในภาษาฟินด์แลนด์ ด้วยเหตุนี้ ในโปรเจ็กต์คริปโตดังกล่าว ผู้เข้าร่วมในโปรเจ็กต์จึงสามารถให้กู้และยืมเงินได้โดยไม่ต้องเปิดเผยตัวตนของตนเอง
โปรเจ็กต์ใหม่ที่ได้รับการปรับปรุงให้ดีขึ้นได้กลายมาเป็นของบริษัทแม่คือ Aave ในขณะที่ ETHLend ได้กลายมาเป็นบริษัทในเครือ หนึ่งปีต่อมาในฤดูใบไม้ร่วงของปี 2019 เวอร์ชันแรกของเครือข่ายทดสอบสาธารณะคือ Aave V1 ก็ได้รับการเปิดตัว หลังจากทำการทดสอบและแก้ไขปัญหาเครือข่ายทดสอบอีก 3 เดือน เวอร์ชันเปิดตัวของเครือข่ายหลักของ Aave ก็ได้รับการเผยแพร่บนบล็อกเชนของ Ethereum ในเดือนมกราคม 2020
ในเดือนตุลาคม 2020 โทเคนของเครือข่าย Aave ซึ่งได้แก่ AAVE ก็ได้รับการเปิดตัว การเทรดที่ประสบความสำเร็จของคริปโตเคอร์เรนซีนี้ได้เร่งการลงทุนและการอัปเดตจนนำไปสู่การเปิดตัว Aave V2 ซึ่งเป็นเวอร์ชันในปัจจุบันของเครือข่ายในเดือนธันวาคมของปีเดียวกัน
วิธีการทำงานของ Aave?
อย่างที่คุณคงจะทราบกันดีอยู่แล้วว่าทุกคนสามารถฝากเงินบนแพลตฟอร์มเพื่อให้คนอื่นกู้พร้อมอัตราดอกเบี้ยที่กำหนดได้ หรือยืมเงินได้เช่นกัน ทุกอย่างดูชัดเจนและไม่ยุ่งยาก แต่การให้กู้ร่วมกับ DeFi ดูไม่ค่อยสมเหตุสมผลสักเท่าไหร่ ว่าไหมล่ะ? เราก็เลยจะมาอธิบายและยกตัวอย่างกลไกทั้งสองของแพลตฟอร์มซึ่งได้แก่การให้กู้และการยืม
การให้กู้:
- ผู้ใช้ “A” ฝากเงินเข้าไปในแพลตฟอร์ม (คริปโตเคอร์เรนซีใดก็ได้ที่แพลตฟอร์มใช้) โดยจะได้รับโทเคน aToken ที่อัตรา 1:1
- โทเคน aToken จะทำหน้าที่เหมือนกับเป็นหนังสือรับรองการฝากเงิน กล่าวคือ โทเคน aToken จะช่วยให้คุณสะสมดอกเบี้ยได้
- โทเค่นที่ “ฝาก” จะถูกส่งไปที่พูลรวมจากจุดที่ผู้ยืมได้รับโทเคน
- หลังจากนั้น ผู้ยืมจะต้องคืนโทเคนที่ยืมพร้อมดอกเบี้ยไปยังพูล
- ผู้ใช้ “A” คืนโทเคน aToken ให้แก่แพลตฟอร์ม และได้รับโทเคนที่ฝากไว้ในตอนแรกสำหรับเครดิตพร้อมกับดอกเบี้ยค้างรับซึ่งกำหนดโดยระบบ
การยืม:
- ผู้ใช้ “B” ต้องการเงินกู้ และฝากหลักประกันเข้าไปในแพลตฟอร์ม
- แพลตฟอร์มจะให้ผู้ใช้ “B” ยืมโทเคน (คริปโตเคอร์เรนซี) ที่ผู้ใช้ต้องการตามสูตรสำหรับการคำนวณจำนวนเงินกู้
- หลังจากนั้นไม่นาน ผู้ใช้ “B” จะฝากโทเคนที่ยืมมาพร้อมด้วยดอกเบี้ยเพิ่มเติมตามที่กำหนดเข้าไปในแพลตฟอร์ม
อย่างที่คุณได้เห็นกันไปแล้ว ไม่มีขั้นตอน/ช่วงไหนของกระบวนการที่ได้กล่าวไปแล้วในข้างต้นเกี่ยวข้องกับ KYC เพราะหลักการหลักของ DeFi ก็คือการไม่เปิดเผยตัวตนนั่นเอง
ข้อได้เปรียบของ Aave
ด้านล่างนี้คือจุดแข็งหลักสำคัญที่ยอดเยี่ยมของเครือข่าย:
- กลไกพิเศษสำหรับการได้รับการกู้และการยืมในลักษณะที่ไม่เปิดเผยตัวตน
- คุณลักษณะเด่นในการแลกเปลี่ยนสกุลเงินของหลักประกัน ตัวอย่างเช่น หากผู้ยืมคาดการว่ามูลค่าของคริปโตเคอร์เรนซีที่จำนำไว้จะลดลง ผู้ยืมจะสามารถเปลี่ยนสกุลเงินดังกล่าวไปเป็นโทเคนที่มีความเสถียรมากกว่าที่อัตราการแลกเปลี่ยนในปัจจุบันได้
- เวอร์ชันใหม่ของโปรโตคอล Aave V2 ได้ลดการใช้ก๊าซภายในการรับรองการทำธุรกรรมอย่างมีนัยสำคัญ โดยเฉลี่ยแล้ว ผู้ใช้สามารถชำระเงินได้น้อยลง 50% ในขณะนี้
- ในปัจจุบัน ผู้ใช้สามารถได้รับเงินกู้โดยไม่จำเป็นต้องวางหลักประกันแต่อย่างใด เมื่อเป็นเช่นนี้ ผู้ให้กู้จะมอบหมายสิทธิ์ในการยืมให้แก่ผู้กู้รายใดรายหนึ่ง และจะกำหนดกฎเกณฑ์/เงื่อนไขสำหรับการชำระเงินคืนผ่านสัญญาอัจฉริยะโดยการฝากเงินบนแพลตฟอร์ม
- Aave ได้เปิดตัวโซเชียลเน็ตเวิร์คที่ใช้ DeFi ซึ่งมีชื่อว่า Lens Protocol (มีลักษณะเหมือนกันกับ Twitter) โดยมี “Schtick” เป็นโปรไฟล์ของ NFT คุณสามารถซื้อ/ขายเนื้อหาของโปรไฟล์ได้ในฐานะที่เป็นส่วนหนึ่งของสัญญาอัจฉริยะ ทั้งนี้ เครือข่ายของ Aave นั้นได้ใช้โซลูชันเชิงเทคโนโลยีของ Polygon
- ฤดูร้อนของปี 2021 เป็นช่วงที่มีการอัปเดตเพื่อเสริมสร้างสาขาของโปรโตคอลโดยใช้ Aave Arc โฉมใหม่ จากการอัปเดตดังกล่าว องค์กรและบริษัทเทคโนโลยีทางด้านการเงินซึ่งผ่านช่วงการยืนยันตัวตนของ Fireblocks ในการปฏิบัติตามกฎข้อบังคับ KYC แล้วก็สามารถกู้และยืมในเวอร์ชันหลักของ DeFi ของโปรโตคอล Aave V2 ได้
- เริ่มมีการนำโทเคน aToken มาใช้เป็นหลักประกันสำหรับคาแรคเตอร์ NFT ในเกมและ Metaverse
ดังจะเห็นได้จากรายการดังกล่าว Aave นั้นเป็นสินทรัพย์ที่ทั้งเต็มไปด้วยเทคโนโลยี มีความเอนกประสงค์ ให้ผลตอบแทนสูง และเป็นที่น่าจับตามองเป็นอย่างมาก
คริปโตเคอร์เรนซี AAVE
โทเคนของเครือข่ายได้รับการเปิดตัวต่อสาธารณะในช่วงฤดูใบไม้ร่วงของปี 2020 โดยมีมูลค่าอยู่ที่ระหว่าง $53 และ $29 ในช่วงวันแรกๆ ของประวัติการเทรด ในปัจจุบัน (ต้นเดือนมีนาคม 2022) อัลท์คอยน์นี้มีมูลค่าอยู่ที่ $117 ต่อ AAVE สกุลเงินนี้มีมูลค่าตามราคาตลาดอยู่ที่ $1.594 พันล้าน ในบรรดา 10,000 คริปโตเคอร์เรนซีของโลก AAVE ติดหนึ่งในร้อยโดยอยู่ในอันดับที่ 55 มูลค่าสูงสุดในประวัติศาสตร์ของโทเคนนี้เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 18 พฤษภาคม 2021 เมื่อราคาแลกเปลี่ยนของโทเคนนี้สูงถึง $666.86 การคาดการอัตรา AAVE สำหรับปี 2022-2032:
- 2022 — สูงสุดถึง $165
- 2023 — สูงสุดถึง $250
- 2024 — สูงสุดถึง $360
- 2025 — สูงสุดถึง $510
- 2026 — สูงสุดถึง $740
- 2027 — สูงสุดถึง $1020
- 2028 — สูงสุดถึง $1400
- 2029 — สูงสุดถึง $2090
- 2030 — สูงสุดถึง $3000
- 2031 — สูงสุดถึง $4500
- 2032 — สูงสุดถึง $5200
บทสรุป
Aave เป็นหนึ่งในโปรเจ็กต์ DeFi ชั้นนำซึ่งมอบโอกาสในการได้รับเงินกู้แบบไม่เปิดเผยตัวตนรวมถึงการให้ยืมภายใต้เงื่อนไขที่ดีเยี่ยม
โปรเจ็กต์นี้เติบโตอย่างต่อเนื่องๆ รวมถึงดึงดูดการลงทุน และขยายอาณาเขตคริปโตออกไปอย่างไม่หยุดยั้ง คริปโตเคอร์เรนซีของโปรเจ็กต์ก็แสดงให้เห็นถึงการเติบโตเช่นกัน ตามการคาดการจากบริษัทวิเคราะห์ชั้นนำระดับโลกนั้น คริปโตเคอร์เรนซีดังกล่าวจะมีมูลค่ามากขึ้นมากกว่า 40 เท่าในอีก 10 ปีข้างหน้า ทำให้คริปโตเคอร์เรนซีนี้เป็นสินทรัพย์การลงทุนที่น่าดึงดูดใจเป็นอย่างยิ่ง
แพลตฟอร์มการเทรดคริปโตเคอร์เรนซี EXEX มอบเงื่อนไขที่ดีเยี่ยมสำหรับการเทรด AAVE พึงจำไว้ว่า เราไม่ได้ให้คำปรึกษาทางการเงิน เราแค่ช่วยให้คุณเพิ่มเงินทุนของคุณเท่านั้นโดยการใช้วิดเจ็ตที่แสนสะดวกและตัวบ่งชี้ต่างๆ ของเรา จัดการความเสี่ยงของคุณโดยใช้ระบบปกป้องเงินฝากของเรา อัปเกรดทักษะของคุณ และทำแบบนี้ต่อไปเรื่อยๆ เพราะนี่คือกุญแจสำคัญไปสู่อิสรภาพทางการเงินของคุณ
