วิธีการอ่านกราฟแท่งเทียน: บทนำสำหรับมือใหม่
Description
วิธีการอ่านและการตีความกราฟแท่งเทียนสำหรับการเทรดคริปโตเคอร์เรนซี? เคล็ดลับสำหรับมือใหม่เกี่ยวกับวิธีการอ่านและการวิเคราะห์กราฟแท่งเทียนสำหรับการเทรดระหว่างวัน
กราฟและแผนภูมิแท่งเทียน: กราฟและแผนภูมิแท่งเทียนคืออะไร? มีคำจำกัดความว่าอย่างไร?
กราฟแท่งเทียนมีต้นกำเนิดมาจากประเทศญี่ปุ่น ในราวศตวรรษที่ 18 เทรดเดอร์ Homma คิดว่า ราคาและความต้องการข้าวได้รับอิทธิพลเป็นอย่างมากจากอารมณ์ของผู้ที่ซื้อและขายสินค้าโภคภัณฑ์ดังกล่าว
ตลาดยุคใหม่ใช้ตัวบ่งชี้จำนวนมากในการช่วยเหลือเทรดเดอร์ให้ทำการซื้อขายไม่ว่าจะเป็นหุ้นหรือคริปโตเคอร์เรนซี หนึ่งในเครื่องมือที่ได้รับความนิยมมากที่สุดและโด่งดังมากที่สุดก็คือกราฟแท่งเทียน
กราฟแท่งเทียนเป็นการนำเสนอแบบวิชวลโดยใช้ความผันผวนของราคาต่างๆ เทรดเดอร์จะใช้แท่งเทียน/แผนภูมิในการระบุรูปแบบการเทรดที่เฉพาะเจาะจงเพื่อคาดการณ์ทิศทางในระยะสั้นของมูลค่าของหุ้นหรือสินทรัพย์ ทั้งนี้ แท่งเทียนจะประกอบไปด้วยหลายองค์ประกอบ
กราฟแท่งเทียนประกอบไปด้วยองค์ประกอบอะไรบ้าง?
ดังที่ได้กล่าวไปแล้วในก่อนหน้านี้ว่า การอ่านกราฟแท่งเทียนจะประกอบไปด้วยหลายองค์ประกอบ และมีหลายแท่ง (แท่งเทียน)
เทียนจะประกอบไปด้วยสามส่วนด้วยกัน:
- ตัวเทียน
- เงาด้านบน
- เงาด้านล่าง
ตัวเทียนจะได้รับการทำให้เป็นสีซึ่งได้แก่:
- สีแดง
- สีเขียว
แท่งเทียนจะแสดงระยะเวลาและข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับการเทรดที่เกิดขึ้นในระยะเวลาดังกล่าว ทั้งนี้ แท่งเทียนจะมีหลายจุดข้อมูล:
เปิด – นี่คือการเทรดแรกสำหรับระยะเวลาที่ระบุโดยแท่งเทียน สูง – มูลค่าการเทรดที่สำคัญมากที่สุด ต่ำ – มูลค่าการเทรดต่ำสุด ปิด – การเทรดครั้งสุดท้ายของระยะเวลาที่ระบุโดยแท่งเทียน
วิธีการวิเคราะห์กราฟแท่งเทียนอย่างถูกต้อง?
ในฟอรัมเฉพาะทางสำหรับการเทรดหุ้นหรือคริปโตเคอร์เรนซีนั้น เทรดเดอร์มือใหม่มักจะถามถึงวิธีการอ่านกราฟแท่งเทียนสำหรับการเทรดรายวัน
อย่างที่เราทราบกันนั่นแหละว่า ตัวของแท่งเทียนจะแสดงมูลค่าของการเปิดและการปิดการเทรดในตลาดซึ่งเกิดขึ้นภายในระยะเวลาใดเวลาหนึ่ง เทรดเดอร์สามารถกำหนดพิสัยราคาสำหรับหุ้นในช่วงเวลาที่เฉพาะเจาะจงได้ เราจะทราบว่ามูลค่าของหุ้นหรือคริปโตเคอร์เรนซีดังกล่าวกำลังจะขึ้นหรือลงได้จากสีของแท่งเทียน
ตัวอย่างเช่น หากกราฟแท่งเทียนแสดงระยะเวลาเป็นสัปดาห์หรือเดือน เทียนที่เป็นตัวแทนของวันจะมีสีแดงมากกว่าซึ่งหมายความว่า มูลค่าของสินทรัพย์หรือหุ้นกำลังตกลง ในทางกลับกัน หากการอ่านแท่งเทียนแสดงวันและมีสีเขียวมากกว่าในกราฟระหว่างสัปดาห์หรือเดือนแสดงว่ามูลค่าของสินทรัพย์หรือหุ้นกำลังเพิ่มขึ้น
ตัวเทียนจะมีไส้เทียน (เงา) ที่ด้านบนและด้านล่างซึ่งแสดงถึงมูลค่าการเทรดสูงสุดและต่ำสุดของคริปโตเคอร์เรนซีหรือหุ้น
กราฟแท่งเทียนจะแสดงความสัมพันธ์ระหว่างราคาเปิดและราคาปิดของหุ้นหรือคริปโตเคอร์เรนซีที่สูงและต่ำ ในทางกลับกัน ตัวเทียนอาจจะเป็นได้ทั้งยาว สั้น สีแดง หรือสีเขียวในขณะที่เงาเทียนจะเป็นยาวและสั้น
ด้วยเหตุนี้ การอ่านกราฟแท่งเทียนจะทำให้เทรดเดอร์ทราบถึงอารมณ์ของตลาดสำหรับนักลงทุน รวมถึงเห็นถึงความสัมพันธ์ระหว่างผู้ที่กำลังขายกับผู้ที่กำลังซื้อ ฯลฯ
ในขณะเดียวกันเทรดเดอร์จะต้องไม่ลืมว่า แม้ว่าแท่งเทียนแต่ละแท่งจะแสดงข้อมูลจำนวนหนึ่ง แต่คุณยังจำเป็นต้องทราบความแตกต่างอื่นๆ ของกราฟแท่งเทียนเช่นกัน
เพื่อให้เข้าใจวิธีการอ่านแท่งเทียนได้ดีขึ้น การทราบรูปแบบของกราฟแท่งเทียนต่างๆ จึงเป็นเรื่องที่จำเป็น คุณสามารถทำเรื่องดังกล่าวได้โดยการดูรูปแบบต่างๆ
รูปแบบต่างๆ ของกราฟแท่งเทียน?
คุณสามารถดูที่รูปแบบต่างๆ เพื่อให้ได้รับข้อมูลที่เพิ่มมากขึ้นเกี่ยวกับวิธีการอ่านกราฟ
รูปแบบของกราฟแท่งเทียนอาจจะเป็นได้ทั้ง Bullish หรือ Bearish รูปแบบดังกล่าวจะช่วยให้คุณเข้าใจวิธีการอ่านกราฟแท่งเทียนได้ตีขึ้นในระดับที่เป็นมืออาชีพมากขึ้น
รูปแบบ Bullish
มีรูปแบบ Bullish ที่มีชื่อเสียงมากที่สุดในขณะนี้ที่เรียกว่า “Reverse Hammer” เทียนดังกล่าวจะมีตัวเทียนที่สั้นและมีเงาด้านบนที่ยาว รูปแบบนี้แสดงให้เห็นว่า ผู้ซื้อกำลังสร้างความกดดันให้แก่หุ้น หรือหมายความว่า ผู้ซื้อจะมีการควบคุมเหนือตลาดนั่นเอง
นอกจากนี้ยังมีรูปแบบที่เรียกว่า “Bullish Absorption” เช่นกัน รูปแบบดังกล่าวจะประกอบไปด้วยเทียน 2 เล่ม เทียนเล่มที่ใหญ่กว่าซึ่งเป็นสีเขียวจะดูดกลืนเทียนสั้นเล่มแรกที่เป็นสีแดง รูปแบบนี้แสดงให้เห็นว่า Bulls มีอิทธิพลเหนือตลาดในขณะที่มูลค่าของหุ้นหรือสกุลเงินจะสูงขึ้นในระยะสั้น
แท่งเทียนอีกรูปแบบหนึ่งจะเรียกว่า “Morning Star”
รูปแบบนี้จะประกอบไปด้วยเทียน 3 เล่ม เทียนเล่มหนึ่งจะมีตัวเทียนสั้นและอยู่ที่ระหว่างเทียนที่เป็นสีแดงกับเทียนที่เป็นสีเขียว เทียนดังกล่าวจะมีลักษณะยาว รูปแบบนี้แสดงให้เห็นว่า ผู้ขายไม่สามารถควบคุมตลาดได้เหมือนที่ผ่านมาในขณะที่วงจรของ Bullish กำลังจะเริ่มต้นขึ้น
อีกรูปแบบหนึ่งที่พบได้ทั่วไปกึคือ “3 White Soldiers โดยที่รูปแบบนี้จะมีเทียนสีเขียว 3 เล่มซึ่งมีเงาขนาดเล็ก รูปแบบดังกล่าวแสดงให้เห็นว่า แนวโน้มของ Bullish กำลังจะเริ่มต้นขึ้นในตลาด
นอกเหนือจากรูปแบบของ Bullish แล้ว ยังมีรูปแบบของ Bearish เช่นกัน
รูปแบบ Bearish
บางรูปแบบสามารถพบได้มากที่สุดในตลาดหุ้นหรือคริปโตเคอร์เรนซีโดยเฉพาะอย่างยิ่งรูปแบบที่เรียกว่า “Hanging Man”
รูปแบบดังกล่าวจะประกอบไปด้วยเทียนที่มีตัวเทียนสั้นและเงาด้านล่างที่ยาว รูปแบบนี้แสดงให้เห็นว่า Bears กำลังจะควบคุมตลาดได้ในอีกไม่นาน
มีอีกหนึ่งรูปแบบที่มีชื่อว่า “Shooting Star” ตัวของเทียนจะสั้นในขณะที่เงาด้านบนของเทียนจะยาวซึ่งแสดงให้เห็นว่าผู้ขายเริ่มที่จะควบคุมตลาดและจะมีอิทธิพลเหนือตลาดในไม่ช้า
อีกรูปแบบหนึ่งก็คือ “3 Black Crows” ในรูปแบบดังกล่าว จะมีเทียนอยู่สามเล่มซึ่งติดตามกันเองในขณะที่เงาของเทียนจะมีลักษณะสั้น รูปแบบนี้แสดงให้เห็นว่า Bears จะครอบครองตลาดในไม่ช้า
วิธีการตรวจสอบให้แน่ใจถึงการอ่านแท่งเทียนอย่างถูกต้องสำหรับผู้ใช้ที่เป็นคนไทย?
จากข้อมูลข้างต้นจะเห็นได้อย่างชัดเจนว่า ลักษณะของรูปแบบแท่งเทียนต่างๆ เกี่ยวกับราคาเป็นสิ่งที่มีความสำคัญมากจนเทรดเดอร์ไม่สามารถเพิกเฉยได้ในประเทศไทย เราหวังเป็นอย่างยิ่งว่า คุณจะพบว่าคำอธิบายนี้มีประโยชน์ในกรุงเทพฯ พัทยา ภูเก็ต และจังหวัดอื่นๆ ของประเทศในการทำความเข้าใจพื้นฐานของรูปแบบต่างๆ ของแท่งเทียน และการมีประโยชน์ในการคาดการณ์ตลาดของประเทศไทยเมื่อมีการเคลื่อนไหวในครั้งถัดไป
บทสรุป
เพื่อให้เข้าใจวิธีการอ่านรูปแบบต่างๆ ของแท่งเทียน คุณจำเป็นต้องศึกษาเกี่ยวกับการวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานและการวิเคราะห์ทางเทคนิครวมถึงใช้แนวทางต่างๆ ของเทรดเดอร์ที่มากไปด้วยประสบการณ์
สถานการณ์สามารถเปลี่ยนแปลงเป็นอย่างมากได้ในทุกช่วงเวลาของตลาด คุณจึงจำเป็นต้องปรับกลยุทธ์การเทรดไปตามสถานการณ์ที่เกิดขึ้น ไม่ว่าจะอย่างไรก็ตาม การอ่านกราฟแท่งเทียนจะช่วยให้เทรดเดอร์สามารถใช้กลยุทธฺที่เหมาะสมกับตลาดมากที่สุดได้
ยิ่งเทรดเดอร์มีประสบการณ์มากขึ้นเท่าใด เทรดเดอร์ก็จะเข้าใจวิธีการอ่านกราฟสำหรับการเทรดระหว่างวัน และปรับการดำเนินการของตนในช่วงเวลาต่างๆได้ดีมากขึ้น