0% กระบวนการอ่าน
/ การวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานและการวิเคราะห์ทางเทคนิค

การวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานและการวิเคราะห์ทางเทคนิค

เผยแพร่แล้ว 17 January 2023
เวลาของการอ่าน 4 นาที
Fundamental vs technical analysis

Description

เรียนรู้การเปรียบเทียบระหว่างการวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานและการวิเคราะห์ทางเทคนิค: คู่มือสำหรับมือใหม่เกี่ยวกับข้อดีและข้อเสียของของการวิเคราะห์การลงทุนแต่ละวิธี การทราบถึงความแตกต่างระหว่างการวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานและการวิเคราะห์ทางเทคนิคจะช่วยให้คุณสามารถใช้วิธีการที่ดีที่สุดในการเทรดคริปโตเคอร์เรนซีได้

การวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานและการวิเคราะห์ทางเทคนิค – การเปรียบเทียบวิธีการวิเคราะห์การลงทุนสำหรับมือใหม่

เทรดเดอร์ นักวิเคราะห์ และนักลงทุนใช้วิธีการและตัวบ่งชี้ต่างๆ ในการกำหนดราคาของหุ้นและสกุลเงินรวมถึงสินทรัพย์เสมือนจริง ทั้งหมดนี้ถือเป็นเครื่องมือสำคัญสำหรับนักลงทุนเนื่องจากช่วยให้นักลงทุนสามารถคงไว้ซึ่งประสิทธิภาพของการลงทุนและป้องกันความเสี่ยงในด้านลบที่อาจจะเกิดขึ้น คุณค่าของเครื่องมือวิเคราะห์ดังกล่าวอยู่ตรงข้อเท็จจริงที่เครื่องมือดังกล่าวเป็นวิธีการที่เป็นกลางซึ่งไม่ต้องมีสมมติฐานหรือข้อสันนิษฐานใดๆ คุณพอจะเดาได้ไหมว่าเรากำลังพูดถึงอะไร? แน่นอนว่า สิ่งที่เรากำลังพูดถึงก็คือการวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานและการวิเคราะห์ทางเทคนิคนั่นเอง

อันที่จริงนั้น ตลาดมอบโอกาสในการทำเงินเป็นจำนวนมากให้แก่เทรดเดอร์ การวิเคราะห์ที่มีประสิทธิภาพจะช่วยให้คุณค้นพบวิธีในการทำงานเงินไม่ว่ามูลค่าของสินทรัพย์จะเพิ่มขึ้นหรือตกลงก็ตาม

What is fundamental analysis in trading

การวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานและการวิเคราะห์ทางเทคนิคคืออะไร?

เราจะมาเริ่มต้นกันที่การวิเคราะห์ประเภทแรกกันก่อน การวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐาน (Fundamental Analysis - FA) คืออะไร? ชื่อของการวิเคราะห์ก็บอกถึงวิธีการอยู่แล้วว่าเป็นการประเมินมูลค่าของบริษัทคริปโตและคริปโตเคอร์เรนซีของบริษัทตามชุดตัวบ่งชี้ทางเศรษฐกิจ ทางเทคนิค และทางการเงิน วิธีนี้สามารถใช้ได้กับสินทรัพย์ส่วนใหญ่ ไม่ใช่แค่กับคริปโตเคอร์เรนซีเท่านั้น แต่ยังรวมถึงการคาดการณ์มูลค่าของโลหะมีค่า หลักทรัพย์ ตลาดสกุลเงิน ฯลฯ การใช้ FA จะช่วยให้มั่นใจได้ถึงการตัดสินใจที่เต็มไปด้วยข้อมูลในการซื้อหรือขายสินทรัพย์รวมถึงคริปโตเคอร์เรนซี โดยจะขึ้นอยู่กับว่าการเทรดคริปโตเคอร์เรนซีมีส่วนลดหรือค่าพรีเมียมในราคาที่เป็นธรรมหรือไม่

การวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานมักใช้ในตลาดคริปโตเคอร์เรนซีและตลาดอื่นๆ รวมถึงตลาดหุ้น ฟอเร็กซ์ ฯลฯ ในกรณีนี้ เราจะต้องพิจารณาปัจจัยต่างๆ ที่อาจส่งผลต่อราคาของสินทรัพย์

การวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานสำหรับโปรเจ็กต์คริปโต: ความแตกต่างที่สำคัญ

ความเชื่อมั่นของนักลงทุนที่มีต่อการวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานนั้นสูงมาก การวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานทำให้คุณสามารถประเมินการจัดหาสินทรัพย์มีค่าที่มีอยู่ในตลาดและปรับพอร์ตโฟลิโอของคุณเพื่อการทำกำไรที่มากขึ้น ตัวอย่างเช่น หากต้องการค้นหาสินทรัพย์ที่มีการซื้อมากเกินไป คุณจะต้องปล่อยสินทรัพย์ดังกล่าวตอนที่ราคาของสินทรัพย์นั้นยังคงสูงอยู่ หรือสินทรัพย์ที่มีมูลค่าต่ำเกินไปซึ่งราคาของสินทรัพย์นั้นจะสูงขึ้นในอีกไม่ช้า

ในส่วนของตลาดหุ้นนั้น เราจะต้องศึกษาแนวโน้มของการเปลี่ยนแปลงมูลค่าของสินทรัพย์ที่เฉพาะเจาะจงตามปัจจัยต่างๆ ความสามารถในการทำกำไรของบริษัทที่ออกหลักทรัพย์ การมีนวัตกรรม และประโยชน์ของธุรกิจ ส่วนแบ่งตลาด ภาระหนี้ อัตราส่วนเพิ่มเติม ปัจจัยภายนอกที่ส่งผลต่อการเคลื่อนไหวโดยรวมของอุตสาหกรรม ฯลฯ จะต้องได้รับการประเมินเช่นกัน ปัจจัยทั้งหมดเหล่านี้ค่อนข้างจะมีไดนามิกและเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา นอกจากนี้ การวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานยังมีจุดมุ่งหมายเพื่อตรวจสอบแนวโน้มในระยะยาวอีกด้วย สำหรับโปรเจ็กต์คริปโตนั้น ระบบการประเมินมูลค่าในการวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานจะแตกต่างไปจากตลาดแบบดั้งเดิมเล็กน้อยเนื่องจากได้รับอิทธิพลจากลักษณะเฉพาะของอุตสาหกรรมสินทรัพย์ดิจิทัล ด้วยเหตุนี้ นอกเหนือจากปัจจัยมาตรฐานแล้ว คุณจึงต้องตรวจสอบตัวบ่งชี้ดังต่อไปนี้เช่นกัน: • เราจะสามารถนำคริปโตเคอร์เรนซีของบริษัทไปใช้ได้อย่างไร และเป้าหมายของผู้ออกคืออะไร? • ความต้องการที่มีต่อโปรเจ็กต์มีมากน้อยเพียงใด ชุมชนจะได้รับการสนับสนุนอย่างไร และจะมีการเผยแพร่ค่านิยมใดบ้าง? • ตัวบ่งชี้ทางเทคนิค (บนเครือข่ายบล็อกเชนที่สร้างเหรียญ กิจกรรม จำนวนของการทำธุรกรรม อัตราแฮชของเครือข่าย ฯลฯ) มีอะไรบ้าง? • ใครคือทีมงาน และผู้พัฒนามีความเชี่ยวชาญมากแค่ไหน? • จำนวนผู้ใช้ของเครือข่ายบล็อกเชน • ปัจจัยภายนอกและสถานการณ์เชิงลบของตลาดคือวัฏจักรทางเศรษฐกิจ • การปฏิบัติตามกลยุทธ์การตลาด

เป้าหมายของการใช้การวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานสำหรับนักลงทุน

สิ่งที่สำคัญก็คือ คุณจะต้องเข้าใจวัตถุประสงค์ของการวิเคราะห์ที่คุณนำไปใช้ FA นั้นเกี่ยวข้องกับการทดสอบสถานการณ์และอิทธิพลของปัจจัยภายนอกต่างๆ ซึ่งอาจเป็นพารามิเตอร์ทางเศรษฐศาสตร์จุลภาคและมหภาค คุณภาพเชิงวัตถุประสงค์และการดำเนินการของโปรเจ็กต์ แรงกดดันด้านกฎระเบียบ ปัจจัยทางการเมือง ฯลฯ ทั้งนี้ FA จะพิจารณาความเสี่ยงและแรงกดดันทั้งหมดที่มีต่อราคาเพื่อการคาดการณ์ในระยะกลางและระยะยาว

การวิเคราะห์ทางเทคนิค: การวิเคราะห์ทางเทคนิคคืออะไร?

เยี่ยมไปเลย เราเข้าใจแล้วว่าการวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานคืออะไร ตอนนี้เราจะมาดูการวิเคราะห์ประเภทที่สองกัน

การวิเคราะห์ทางเทคนิค (Technical Analysis - TA) เป็นวิธีการประเมินสถานการณ์ในตลาดที่นำมาใช้เพื่อระบุรูปแบบทางสถิติในการเคลื่อนไหวของราคาสำหรับคริปโตเคอร์เรนซี วัตถุประสงค์หลักของการวิเคราะห์ทางเทคนิคก็คือการกำหนดสถานการณ์ที่เป็นไปได้มากที่สุดของการเคลื่อนไหวของราคาในตลาดทั้งในระยะสั้นและระยะกลาง

นักวิเคราะห์ทางเทคนิคจะใช้แผนภูมิและแนวโน้มต่างๆ แนวรับและแนวต้านต่างๆ รวมถึงพฤติกรรมราคาของคริปโต

สิ่งหนึ่งที่พึงสังเกตก็คือ นักวิเคราะห์และเทรดเดอร์มือใหม่มักจะไม่สังเกตเห็นความแตกต่างระหว่างการวิเคราะห์ทางเทคนิคและการวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐาน อย่างไรก็ตาม นี่คือเรื่องจริง และเป็นสิ่งที่เราจะต้องทราบไว้เพื่อการคาดการณ์ที่แม่นยำมากขึ้นหรือน้อยลงเกี่ยวกับหุ้นและสกุลเงินในตลาด

การวิเคราะห์ทางเทคนิคสำหรับโปรเจ็กต์คริปโต: ความแตกต่างที่สำคัญ

อะไรคือความแตกต่างที่สำคัญระหว่างการวิเคราะห์ทางเทคนิคสำหรับโปรเจ็กต์คริปโต? เราจะต้องพิจารณาข้อมูลที่เฉพาะเจาะจงในส่วนนี้ และนำข้อมูลดังกล่าวไปใช้ในการวิเคราะห์

สิ่งที่น่าแปลกก็คือ ทัศนคติที่มีต่อคริปโตเคอร์เรนซีส่งผลกระทบน้อยมากต่อวิธีการทั่วไปในการวิเคราะห์ทางเทคนิคเนื่องจากการวิเคราะห์ทางเทคนิคเป็นวิธีการวิเคราะห์จำนวนที่แน่ชัดของการเคลื่อนไหวของราคา ราคาจะเท่ากันในทุกตลาด รวมถึงรูปแบบที่เกิดขึ้นในอดีต ดังนั้น การวิเคราะห์ทางเทคนิคจึงเป็นสากลและเหมาะสำหรับตลาดต่างๆ

ในขณะเดียวกัน TA ยังมีความหลากหลายมาก นี่คือแผนภูมิและแบบจำลอง ตัวบ่งชี้ทางเทคนิคและออสซิลเลเตอร์ และการผสมผสานระหว่างเทคนิคและวิธีการต่างๆ ซึ่งเป็นข้อมูลเกี่ยวกับปริมาณ ท่ามกลางความหลากหลายต่างๆ นั้น มีเพียงสามหลักการที่สำคัญซึ่งได้แก่:

  1. ปัจจัยทั้งหมดที่มีอิทธิพลต่อราคาจะมีอยู่ในแผนภูมิอยู่เสมอ นี่คือสิ่งที่เป็นทฤษฎีบทของตลาด
  2. ราคาจะเคลื่อนไหวเป็นแนวโน้มอยู่เสมอ คุณจะสามารถคาดการณ์การเคลื่อนไหวของราคาได้หากคุณอ่านแผนภูมิได้อย่างถูกต้อง
  3. ประวัติศาสตร์เกิดขึ้นเป็นวัฏจักรและมักจะซ้ำรอยเดิมอยู่เสมอ

Difference between fundamental and technical analysis in trading

วัตถุประสงค์ของการวิเคราะห์ทางเทคนิค (TA)

การใช้การวิเคราะห์ทางเทคนิค (TA) มีบทบาทสำคัญเป็นอย่างมากเพราะจะทำให้เทรดเดอร์สามารถคาดการณ์การเปลี่ยนแปลงราคาของสินทรัพย์ได้อย่างแม่นยำมากพอ และสร้างรายได้จากความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยน การใช้เครื่องมือนี้ด้วยความเชี่ยวชาญระดับมืออาชีพจะทำให้รายได้จากการเทรดมีความเสถียรและสามารถใช้งานได้ตลอดเวลา

การวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐาน VS การวิเคราะห์ทางเทคนิค

ความแตกต่างระหว่างการวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานกับการวิเคราะห์ทางเทคนิคมีอะไรบ้าง? การวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานกับการวิเคราะห์ทางเทคนิคมีความแตกต่างกันบางประการ นักวิเคราะห์ที่ทำการวิเคราะห์ทางเทคนิคจะดูแผนภูมิก่อน ในขณะที่นักวิเคราะห์ที่ใช้การวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานจะดูที่งบการเงินของบริษัทก่อน

นักวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานพยายามกำหนดราคาของบริษัทโดยการตรวจสอบงบกำไรขาดทุน งบดุล และรายงานต่างๆ ที่แสดงการเคลื่อนไหวทางการเงิน นักวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานต้องการกำหนดราคาที่แท้จริงของบริษัทโดยการลดต้นทุนของกระแสการเงินในอนาคตตามตัวเลขที่กล่าวถึงไปในข้างต้น

ในทางตรงกันข้าม นักวิเคราะห์ทางเทคนิคเชื่อว่าการดูงบการเงินของบริษัทเป็นสิ่งที่ไม่ได้ช่วยอะไรเนื่องจากราคาของคริปโตได้รวมข้อมูลที่จำเป็นทั้งหมดเอาไว้แล้ว แทนที่จะดูงบการเงินของบริษัท เราควรโฟกัสไปที่การวิเคราะห์แผนภูมิคริปโตเคอร์เรนซีเพียงอย่างเดียว และเราควรคาดการณ์การเคลื่อนไหวของราคาคริปโตของบริษัทว่าจะเป็นไปในทิศทางใด

เครื่องมือการเทรดสำหรับการวิเคราะห์ประเภทต่างๆ

การวิเคราะห์ทางเทคนิคและการวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานใช้เครื่องมือการเทรดที่แตกต่างกัน เราจะมาดูรายละเอียดในเรื่องนี้กัน

โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ดังที่ได้กล่าวไว้ก่อนหน้านี้ แหล่งข้อมูลที่สำคัญที่สุดสำหรับการวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานคืองบการเงินของบริษัทซึ่งได้แก่: • รายงานการบัญชีรายปีและรายไตรมาส • การตรวจสอบรายงานสาธารณะของผู้ถือหุ้นและผู้บริหารระดับสูงของบริษัท • งบดุลของบริษัท • งบกำไรขาดทุนสำหรับช่วงเวลาที่เลือก • การวิเคราะห์และการตรวจสอบข้อมูลกระแสเงินสดของบริษัท

ข้อมูลจากรายงานที่กล่าวถึงในข้างต้นสามารถใช้ในการคำนวณอัตราส่วนและตัวบ่งชี้ที่สะท้อนถึงประสิทธิภาพและพัฒนาการของบริษัท ในส่วนของคริปโตเคอร์เรนซีนั้น จะมีการเพิ่มเอกสารทางเทคนิคอีกเล็กน้อย เช่น โทเค็นโนมิกส์และแผนการออกจาก IDO เพื่อประเมินอนาคตของบริษัท บ่อยครั้งที่การวิเคราะห์ทางเทคนิคจะใช้เครื่องมืออื่นๆ ร่วมด้วย เครื่องมือดังกล่าวจะถูกสร้างขึ้นสำหรับเทรดเดอร์เพื่อช่วยให้คุณสามารถอ่านแผนภูมิอัตราของสินทรัพย์จากผู้ใช้ได้โดยตรง ส่วนใหญ่นั้นมักจะมีการใช้แผนภูมิราคา: • แท่งเทียนของอัตราคริปโตเคอร์เรนซี • การวิเคราะห์ปริมาณสภาพคล่องของตลาดหุ้น • กิจกรรมของเทรดเดอร์ในคู่การเทรด • กราฟเส้นของอัตราแลกเปลี่ยน

โดยทั่วไปนั้น การวิเคราะห์ทางเทคนิคยังทำงานร่วมกับเครื่องมืออีกเป็นจำนวนมากเพื่อการคาดการณ์ที่แม่นยำ ความแตกต่างที่สำคัญระหว่างการวิเคราะห์ทางเทคนิคและการวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานคือ

การวิเคราะห์ทั้งสองประเภทมีกรอบเวลาสำหรับการเคลื่อนไหวของราคาที่แตกต่างกัน

การวิเคราะห์ทางเทคนิคแตกต่างไปจากการวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานเนื่องจากการวิเคราะห์ทั้งสองประเภทมีกรอบเวลาที่แตกต่างกัน

กรอบเวลาสำหรับการวิเคราะห์ทางการเงืนประเภทต่างๆ

การวิเคราะห์ทางเทคนิคกับการวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานแตกต่างกันตรงที่การวิเคราะห์ทั้งสองประเภทมีกรอบเวลาต่างกัน การวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานจะใช้วิธีการลงทุนแบบระยะยาว ข้อมูลที่วิเคราะห์สามารถนำไปใช้ได้หลายไตรมาสจนถึงหลายปี ทุกอย่างจะขึ้นอยู่กับความลึกของการวิจัยและวัตถุประสงค์ของการดำเนินการ นอกจากนี้ ผู้ที่ใช้การวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานจะต้องใช้การประเมินรายงานทางการเงินที่แต่ละบริษัทจัดทำขึ้นเป็นรายไตรมาส

การดำเนินการและพัฒนาการของบริษัทต่างๆ ไม่ได้เกิดขึ้นในชั่วข้ามคืน กระบวนการทางเทคโนโลยีและการผลิตจำนวนมากใช้เวลานานหลายปี และจะได้รับผลลัพธ์ของนวัตกรรมที่ดีหลังจากการเตรียมการที่ยาวนานดังกล่าว

ข้อแตกต่างอีกประการหนึ่งของการวิเคราะห์ทั้งสองประเภทก็คือกรอบเวลาของการวิเคราะห์ทางเทคนิค กรอบเวลาที่ใช้ในการวิเคราะห์ TA จะสั้นกว่ามาก กรอบเวลาดังกล่าวเป็นได้ทั้งสัปดาห์และวัน แต่โดยปกติแล้วจะใช้เวลาสองสามชั่วโมงหรือแม้แต่สองสามนาที เนื่องจากความคล่องตัวของเป้าหมาย TA เทรดเดอร์จึงคาดหวังถึงการเทรดที่รวดเร็วและลงมือทำทันที การซื้อสินทรัพย์จึงไม่ได้ใช้เวลามากนัก

นักวิเคราะห์ที่ทำการวิเคราะห์ประเภทนี้จะต้องศึกษาข้อมูลที่มีในช่วงเวลาข้างต้นโดยใช้ตัวบ่งชี้กราฟิกต่างๆ โดยการสร้างแบบจำลองการคาดการณ์ระยะสั้นเพื่อดูว่ามูลค่าของคริปโตเคอร์เรนซีหรือสินทรัพย์ของบริษัทจะเป็นไปในทิศทางใด

การเทรด VS การลงทุน: เส้นทางใดที่จะเลือกสำหรับการวิเคราะห์?

การวิเคราะห์ทางเทคนิคและการวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานมักจะมีเป้าหมายที่แตกต่างกัน นักวิเคราะห์ทางเทคนิคพยายามจะสร้างดีในระยะสั้นและระยะกลางเพื่อที่จะได้สามารถขายคริปโตเคอร์เรนซี

ในทางตรงกันข้าม นักวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานมักจะทำการลงทุนในระยะยาวในธุรกิจของคริปโตเคอร์เรนซี มีการวิพากษ์วิจารณ์จำนวนมากเกี่ยวกับการวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานและการวิเคราะห์ทางเทคนิคที่ปรากฏขึ้นเป็นระยะๆ ในฟอรัมและสื่อสิ่งพิมพ์สำหรับหุ้น สกุลเงิน และตลาดคริปโตเคอร์เรนซีดิจิทัล โดยทั่วไป นั้น การวิพากษ์วิจารณ์ดังกล่าวถือว่าค่อนข้างสมเหตุสมผล แม้ว่าสื่อสิ่งพิมพ์บางฉบับจะวิจารณ์มากเกินไปก็ตาม หากเราพิจารณาผลกระทบของการวิเคราะห์ประเภทต่างๆ ที่มีต่อเป้าหมายของนักลงทุนคริปโตเคอร์เรนซี: การเทรด VS การลงทุน เราอาจจะกล่าวได้ว่า ผู้เข้าร่วมควรใช้วิธีการวิเคราะห์ที่แตกต่างกัน ตัวอย่างเช่น การวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานจะเหมาะสำหรับนักลงทุนมากกว่า เมื่อเป็นเช่นนี้ จะต้องมีการศึกษาพารามิเตอร์ทั่วโลกที่มีอิทธิพลต่อการเคลื่อนไหวของราคาทั้งหมดของสินทรัพย์ซึ่งน่าสนใจสำหรับนักลงทุน สำหรับเทรดเดอร์นั้น สิ่งสำคัญมากกว่าก็คือการศึกษาแผนภูมิของสินทรัพย์ในช่วงเวลานั้นๆ ไม่ว่าราคาจะตกลง เพิ่มขึ้น หรือทรงตัว สิ่งที่สำคัญก็คือการกำหนดทิศทางของตลาดให้ทันเวลาและใช้อัตราส่วนที่เหมาะสม TA จึงเหมาะสมสำหรับวัตถุประสงค์นี้มากกว่า

การวิพาก์วิจารณ์ที่มีต่อการคาดการณ์ประเภทต่างๆ

นักวิจารณ์หลายคนกล่าวหาว่าการวิเคราะห์ทางเทคนิคและการวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานเป็นการศึกษาวิจัยที่มีเหตุผลไม่เพียงพอและไม่มีความแม่นยำในการคำนวณ นี่ไม่ใช่เรื่องที่น่าแปลกใจแต่อย่างใดเพราะประสิทธิภาพของการวิเคราะห์จะขึ้นอยู่กับประสิทธิภาพของผู้เชี่ยวชาญที่เป็นมนุษย์หรือโปรแกรมซึ่งจะพิจารณาปัจจัยกดดันต่างๆ นอกจากนี้ ยังมีความเสี่ยงอีกเป็นจำนวนมากที่ไม่สามารถคำนวณได้ ตัวอย่างเช่น ความเสี่ยงทางการเมือง ความเสี่ยงที่สร้างขึ้น หรือความเสี่ยงโดยธรรมชาติ

ในการปรับปรุงประสิทธิภาพของการศึกษาวิจัย เราจะต้องใช้ข้อมูลมากขึ้นและประเมินปัจจัยเสี่ยงต่างๆ ไม่ใช่แค่ปัจจัยเฉพาะทางเท่านั้น นอกจากนี้ เรายังจะต้องใช้ความรู้ให้มากขึ้น ใช้ซอฟต์แวร์ที่ทันสมัย และทำการศึกษาวิจัยต่อไป

การวิเคราะห์ประเภทต่างๆ สามารถอยู่ร่วมกันได้หรือไม่?

การวิเคราะห์ทางเทคนิคกับการวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานสามารถอยู่ร่วมกันได้หรือไม่? แน่นอนว่า นักลงทุนพยายามใช้เครื่องมือประเมินความเสี่ยงสูงสุดที่มีอยู่ ดังนั้น การอยู่ร่วมกันของการวิเคราะห์ทั้งสองประเภทนี้จึงไม่ใช่เรื่องที่แปลกแต่อย่างใด

นักลงทุนสามารถตรวจสอบสินทรัพย์ดิจิทัลสำหรับการเทรดระยะสั้นและวิเคราะห์โอกาสต่างๆ ได้ ดังนั้น การใช้การวิเคราะห์ต่างๆ ร่วมกันจึงเป็นไปได้ ในขณะเดียวกัน ทุกคนจะต้องประเมินความต้องการข้อมูลของตนเองเช่นกัน

ข้อได้เปรียบและข้อเสียเปรียบของการวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐาน

การวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานมีทั้งข้อดีและข้อเสียบางประการ ข้อดีก็คือการวิเคราะห์ประเภทนี้ทำให้เราสามารถกำหนดราคาที่แท้จริงของบริษัทต่างๆ ได้แม่นยำมากขึ้นหรือน้อยลง นี่เป็นสิ่งที่สำคัญเป็นอย่างมากหากการลงทุนเป็นการลงทุนในระยะยาว

นอกจากนี้ การวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานยังสามารถลดความขาดแคลนในพอร์ตโฟลิโอการลงทุนได้อย่างมากผ่านการจัดสรรสินทรัพย์อย่างมีประสิทธิภาพ จากสถิติจะเห็นได้ว่า การตัดสินใจที่อิงจากการวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานมักจะถูกต้องมากกว่า

ในขณะเดียวกันการวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานก็มีข้อเสียเช่นกัน้นื่องจากต้องมีข้อมูลที่เฉพาะเจาะจงเพื่อทำการคาดการณ์ที่ถูกต้อง ส่วนมากนั้น ข้อมูลดังกล่าวมักจะไม่เปิดเผยต่อสาธารณะ และมีนักลงทุนแค่บางรายเท่านั้นที่มีข้อมูลนี้ในตลาด หากมีข้อมูลดังกล่าว การวิเคราะห์จะมีความแม่นยำมากขึ้น

การวิเคราะห์ประเภทนี้จำเป็นต้องให้ข้อมูลเกี่ยวกับสิ่งที่จะเกิดขึ้นในตลาดภายในสองสามวันหรือสองสามสัปดาห์ นอกจากนี้ ปัจจัยที่ไม่ได้รับการพิจารณาในทางใดทางหนึ่งในการวิเคราะห์ประเภทนี้อาจจะมีอิทธิพลต่อสถานะของบริษัทและเปลี่ยนภาพรวมของสิ่งที่เกิดขึ้นโดยสิ้นเชิง และนี่คือข้อเสียเปรียบหลักของการวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐาน

What is technical analysis in trading

การวิเคราะห์ทางเทคนิค: ข้อได้เปรียบและข้อเสียเปรียบของการวิเคราะห์ทางเทคนิค

ข้อได้เปรียบสำคัญของการวิเคราะห์ประเภทนี้ก็คือ คุณจะสามารถประเมินหุ้นได้อย่างรวดเร็ว ทำให้คุณสามารถทำให้กระบวนการต่างๆ เป็นไปโดยอัตโนมัติ และประหยัดเวลาสำหรับผู้เชี่ยวชาญ

เทรดเดอร์สามารถสร้างกลยุทธ์การลงทุนด้วยซึ่งมีโปรไฟล์ความเสี่ยงและผลกำไรที่ชัดเจน การวิเคราะห์ประเภทนี้จะช่วยในการกำหนดปัจจัยที่ไม่สามารถเข้าถึงได้ในการวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐาน

ข้อเสียข้อการวิเคราะห์ประเภทนี้ก็คือการเป็นอัตนัย การประเมินผลจะได้รับอิทธิพลจากประสบการณ์และความโน้มเอียงของนักวิเคราะห์ในการทำงานกับฐานข้อมูลนี้หรือฐานข้อมูลนั้น บ่อยครั้งที่จะเกิดสถานการณ์ที่นักวิเคราะห์ได้รับผลลัพธ์ที่ตรงกันข้ามแม้ว่าข้อมูลที่ป้อนเข้าไปจะเป็นข้อมูลเดียวกันก็ตาม

การวิเคราะห์ทางเทคนิคมีมาร์จิ้นข้อผิดพลาดของการคำนวณสูง ทำให้นักลงทุนขาดทุนเป็นจำนวนมากจากการเทรดในตลาด

เทรดเดอร์ในประเทศไทยสามารถใช้การวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานและการวิเคราะห์ทางเทคนิคได้อย่างไร?

เช่นเดียวกับตลาดการเงินอื่นๆ (ตลาดหุ้น สกุลเงิน โลหะมีค่า ดัชนี) ตลาดคริปโตเคอร์เรนซีเป็นวัฏจักรและเคลื่อนไหวตามรูปแบบที่กำหนด เทรดเดอร์ในประเทศไทยสามารถใช้คุณลักษณะพิเศษในการวิเคราะห์และคาดการณ์วัฏจักรของตลาดได้โดยเฉพาะการใช้ข้อมูลเพื่อการเทรดที่ประสบความสำเร็จในพัทยา

วัฏจักรดังกล่าวจะขึ้นอยู่กับความผันผวนของสินทรัพย์และกรอบเวลา ไม่ว่าจะในกรณีใดก็ตาม ไม่ว่าเทรดเดอร์จะอยู่ในจังหวัดใดของประเทศไทย (อุบลราชธานี กรุงเทพฯ ชุมพร ภูเก็ต ฯลฯ) สิ่งที่จำเป็นต้องมีก็คือการประเมินสถานการณ์ของตลาดอย่างสมดุลโดยใช้การวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานและการวิเคราะห์ทางเทคนิค

บทสรุป

กล่าวโดยสรุปก็คือ การวิเคราะห์ทั้งสองประเภทมีความสำคัญสำหรับเทรดเดอร์ นักลงทุน และผู้เข้าร่วมในตลาดอื่นๆ แม้จะมีลักษณะที่ตรงกันข้ามกัน แต่เมื่อใช้การวิเคราะห์ทั้งสองประเภท คุณจะสามารถสร้างกลยุทธ์การลงทุนที่ค่อนข้างแม่นยำ และเข้าสู่ตลาดในช่วงเวลาที่เหมาะสมที่สุดได้

วิธีการวิเคราะห์ประเภทต่างๆ มีทั้งผู้ที่สนับสนุนและผู้ที่ไม่เห็นด้วยโดยการอ้างว่า วิธีการวิเคราะห์ประเภทนี้หรือประเภทนั้นที่ดีที่สุดและถูกต้อง เทรดเดอร์และนักลงทุนที่มีประสบการณ์สามารถใช้ข้อได้เปรียบของการวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานและการวิเคราะห์ทางเทคนิคในการเทรดของตัวเองเพื่อให้ได้รับผลกำไรจำนวนมาก พึงสังเกตว่า มีวิธีการอื่นๆ เช่นกันในการสร้างกลยุทธ์การเทรดหรือการลงทุน ผู้เข้าร่วมในการแลกเปลี่ยนและตลาดคริปโตทุกคนจะต้องทราบถึงความแตกต่างระหว่างการวิเคราะห์ทางเทคนิคกับการวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานรวมถึงเครื่องมือพื้นฐานต่างๆ เพื่อที่จะได้สามารถทำกำไรและลดความเสี่ยงในการขาดทุนให้ได้มากที่สุด ทุกคนที่กำลังจะลงทุนหรือเทรดในตลาดจะต้องเรียนรู้ว่า การวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานและการวิเคราะห์ทางเทคนิคคืออะไร

title
advantage-1
advantage-2
advantage-3

Rate article

Thank you for your rating, your vote has been counted

©Exex
EXEX GLOBAL TRADE, UAB, Registration code 306368695
Vilnius, Žalgirio g. 88-101, Lithuania